นักเรียนไทย กับ การเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ
นักเรียน ผู้ปกครอง หลายท่านที่กำลังหาข้อมูล เกี่ยวกับการไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) แล้วจะวางแผนการเรียนอย่างไร นอกเหนือจากเรื่อง ค่าใช้จ่ายซึ่งอาจจะหาข้อมูลได้ทั่วไป แต่ในเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับ ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ เงื่อนไขการรับเข้าเรียน ข้อกำหนดด้านทักษะภาษาอังกฤษ หลักสูตรที่จะเรียนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ตลอดจน วุฒิการศึกษาที่ใช้ยื่นสมัครเข้าเรียน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจ
ประเทศอังกฤษมีความโดดเด่นทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษา จึงได้รับความนิยมจากนักเรียนต่างชาติเพื่อเข้าไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเพราะจะได้ทั้งความรู้ด้านวิชาการควบคู่กับการได้ฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอย่างเต็มที่ ได้สัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลายจากนักเรียนต่างชาติหลายประเทศ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก มีมหาวิทยาลัยที่มีอายุเก่าแก่และมีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง เช่น Oxford University และ Cambridge University เป็นต้น ซึ่งมหาวิทยาลัยดังกล่าวเสมือนเป็นบรรทัดฐานที่สถาบันการศึกษาของอังกฤษ แห่งอื่นๆได้ปรับปรุง พัฒนาคุณภาพการสอนของสถาบันให้ดีอยู่เสมอ จึงได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจด้านคุณภาพจากนักเรียนต่างชาติอีกทางหนึ่งด้วย
นักเรียนไทยที่สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) จากประเทศไทยที่มีเป้าหมายจะไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย หรือ ปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจระบบการศึกษา คุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับสากลในการใช้สมัครเรียน ตลอดจนเรื่องความต้องการด้านภาษาอังกฤษ (English requirement) ตามที่แต่ละมหาวิทยาลัย กำหนดก่อนรับเข้าเรียน รวมทั้ง ตามที่สถานทูตกำหนด เป็นเงื่อนไขในการยื่นขอวีซ่านักเรียน เป็นต้น
การสมัครเข้าเรียนปริญญาตรี ที่ประเทศอังกฤษ วุฒิการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับสากลทั่วไปได้แก่ A-Level ซึ่งเป็นวุฒิ ของประเทศอังกฤษเอง หรือ IB (International Baccalaureate) วุฒิที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก แต่สำหรับคุณวุฒิ ม.6 ของนักเรียนไทยแม้ว่าระดับผลการเรียนจะสูงก็ตาม ปรากฏว่าเกือบทุกมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษยังไม่สามารถ รับเข้าเรียนระดับปริญญาตรี ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยได้ ดังนั้นนักเรียนไทยที่ จบ ม.6 แล้วสนใจจะเรียนระดับปริญญาตรีของประเทศอังกฤษ จึงต้องเรียนเพิ่มเติม เพื่อให้ได้วุฒิที่สามารถสำหรับยื่นสมัครเรียนปี 1 ของมหาวิทยาลัยได้ โดยทั่วไปก็จะมี 2 ทางเลือก หลักๆ เช่น เรียนหลักสูตร A-Level ในประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปี ทางเลือกนี้มีข้อเด่นคือถ้าผลการเรียนในระดับ A-level ได้เกรดสูง และคุณสมบัติอื่นๆพร้อมก็จะสามารถเลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในประเทศอังกฤษได้ แต่การเรียน A-Level ที่ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี สำหรับบางคนอาจถือว่าเป็นข้อด้อยในแง่ของการที่จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของนักเรียน สำหรับอีกทางเลือกหนึ่งก็คือการเรียนหลักสูตร International Foundation ในสถาบันการศึกษาในประเทศอังกฤษโดยใช้เวลาเรียน 1 ปี ซึ่งจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายลงได้เมื่อเทียบกับการเรียน A-Level ส่วนการที่จะใช้วุฒิ ม.6 สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโดยตรงได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของมหาวิทยาลัย แต่มีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย โดยตรงมีโอกาสน้อยมาก ดังนั้นเพื่อประโยชน์สำหรับการเตรียมตัวไปเรียนต่อยังประเทศอังกฤษจึงขอกล่าวถึงระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ ดังนี้
1.ระดับชั้นและระยะเวลาของแต่ละระดับ รายละเอียดตามรูปที่ 1
รูปที่ 1 ระดับชั้นและระยะเวลา
โดยจะไม่กล่าวถึงการศึกษาระดับอนุบาล ในบทความนี้อย่างไรก็ตามท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.sjworldedu.com/en/country/england/united-kingdom-education-system/
2.ขั้นตอนการเรียนหลักสูตร International Foundation และมหาวิทยาลัย (University) ปี 1-3 รายละเอียดดังรูป 2
รูปที่ 2 ขั้นตอนการเรียน International Foundation – University
3.ข้อกำหนดด้านทักษะภาษาอังกฤษ (English requirement) ตามข้อกำหนดของ Immigration สำหรับเงื่อนไขการขอวีซ่า และ ข้อกำหนดของสถาบันการศึกษาแต่ละสถาบันรายละเอียดดังรูป 3
รูปที่ 3 English requirement
4.การเรียนปรับพื้นภาษาอังกฤษ (Pre – Sessional English)
กรณีที่นักเรียนมีผลการสอบ IELTS ไม่ต่ำกว่า 4.0 ถือว่าผ่านเงื่อนไขที่ Immigration กำหนดเป็นเงื่อนไขในการยื่นขอวีซ่านักเรียนเข้าประเทศอังกฤษ แต่อาจยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าเรียนหลักสูตรตามที่สถาบันการศึกษากำหนด เช่น ถ้าจะเข้าเรียน International Foundation จะต้องมีผล IELTS = 5.5 หรือถ้าจะเรียนมหาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี ,ปริญญาโท จะต้องมีผล IELTS = ไม่ต่ำกว่า 6.0 หรือ 6.5 เป็นต้น (ดูเงื่อนไขข้อกำหนดของแต่ละสถาบันประกอบ) นักเรียนจะต้องสมัครเรียนภาษาอังกฤษตามหลักสูตร Pre-Sessional English ซึ่งจะต้องเรียนในศูนย์ภาษาอังกฤษของแต่ละมหาวิทยาลัยเท่านั้น (เรียนมาจากที่อื่นมหาวิทยาลัยจะไม่รับรองผล) โดยปกติแล้วเมื่อจบ Pre-Sessional English ตามจำนวนระยะเวลาที่กำหนดแล้วจะได้ Pathway เข้าเรียนหลักสูตรระดับต่อไปโดยไม่ต้องสอบ IELTS การที่จะสมัครเรียนหลักสูตร Pre-Sessional English ได้นั้น นักเรียนจะต้องสมัครเรียน International Foundation หรือ Bachelor หรือ Master degree ก่อนเท่านั้นจึงจะได้สิทธิเรียน Pre-Sessional English
5. การทำงาน Part time ระหว่างเรียน
นอกจากการเรียนแล้ว ยังสามารถทำงาน Part time ได้ด้วย แต่ทั้งนี้ต้องเป็นนักเรียนที่เรียนหลักสูตรไม่ต่ำกว่า International Foundation และอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และรวมถึงในระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโทก็สามารถทำงาน Part time ได้เช่นกันโดยชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับระดับของการเรียนของนักเรียนเองในขณะนั้น เช่น Pre-Sessional English ทำงานได้ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ปัจจุบันอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือช่วงปิดเทอม 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นต้น
รูปที่ 4 การทำงาน Part time
6.หลักสูตร Higher National Diploma (HND) เป็นหลักสูตร 2 ปี จบแล้วสามารถสมัครเรียนในระดับปริญญาตรี หลักสูตรปกติ ปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัย หรืออาจเข้าเรียนปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยที่เป็น Program Top Up Year ซึ่ง Top Up Year จะมีในบางมหาวิทยาลัยเท่านั้น
7. เส้นทางการศึกษาประเทศอังกฤษสำหรับนักเรียนไทย
เพื่อให้นักเรียนไทยที่สำเร็จมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) และสนใจเรียนต่อประเทศอังกฤษ
มีความเข้าใจในเส้นทางการศึกษาตามระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษมากขึ้นจึงขออธิบายด้วยแผนภูมิ แสดงเส้นทางการศึกษา รายละเอียดตามรูปที่ 5
รูปที่ 5 แผนภูมิแสดงเส้นทางการศึกษา
8.การเรียนแบบ Practicum (Sandwich Course)
การเรียนแบบ Sandwich Course จะเหมือนกับหลักสูตรแบบอื่นๆ ต่างกันตรงที่มีการเพิ่มการทำงานหรือฝึกงานเข้าไปในหลักสูตรด้วยซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้เวลาในการเรียน 4 ปี (รวมเวลาทำงาน 1 ปี )แทนที่จะเรียน แค่ 3 ปี รายละเอียดตามรูปที่ 6
รูปที่ 6 แผนภูมิแสดงเส้นทางการเรียนแบบ Practicum (Sandwich Course)
แต่อย่างไรก็ตามการเรียนแบบ Sandwich Course จะมีข้อดี ดังนี้
1.ช่วงทำงาน ได้ทำงานตรงสาขาที่เรียน ได้ประสบการณ์ และ ค่าตอบแทน
2.หลังทำงานครบ 1 ปี แล้วมาเรียนต่อปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัย จะเรียนได้ง่ายขึ้นเพราะได้รับประสบการณ์ตรงจากการทำงานมาแล้ว
3.หลังสำเร็จการศึกษา มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งงานได้ง่าย เพราะได้ทำงานในสถานประกอบการเป็นที่รู้จักของส่วนงานแล้ว
4.การต่ออายุวีซ่านักเรียน หลังเข้าร่วมโครงการเรียนแบบ Sandwich Course แล้ว ทางมหาวิทยาลัยมีบริการออกหนังสือรับรองเพื่อขยายเวลาอายุวีซ่า จึงสะดวกในการยื่นขอวีซ่า
9.รายชื่อมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ สำหรับผู้สนใจเรียนมหาวิทยาลัยสามารถดูรายชื่อมหาวิทยาลัย โดยคลิกเข้าชมได้ที่ https://www.sjworldedu.com/misc/university-in-united-kingdom/
สนใจ สมัครเรียนต่างประเทศ
โทร 0 7728 7111 , 08 5 791 9111 (อ.สมนึก) Line ID : somnoek
ผู้เขียน และ เรียบเรียง
สมนึก ชูสุวรรณ
ค.อ.บ. พระจอมเกล้าลาดกระบัง
น.บ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง
วท.ม.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ขอขอบพระคุณ แหล่งข้อมูล :
Mr. Pichai Patrakulpiched
Thailand Representative : Anglia Ruskin University,Liverpool John Moores University, Middlesex University,Polymouth University, Sheffield Hallam University ,University of Sunderland Teesside University , University of Wolverhampton