ระบบการศึกษาในประเทศ สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
ระบบการศึกษาในประเทศอังกฤษมีการพัฒนามากกว่าร้อยปีเพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดี การศึกษาภาคบังคับในประเทศอังกฤษเริ่มตั้งแต่อายุ 5 – 16 ปี ระบบการศึกษาแบ่งออกเป็น 4 ระดับด้วยกันดังนี้
1. ระดับประถม เริ่มตั้งแต่อายุ 5 – 13 ปี โดยการเรียนการสอนในระดับนี้จะเน้นของเรื่องทักษะทางด้านการเขียน และทักษะด้านตัวเลข เพื่อพัฒนาเด็กให้มีความรู้ ความสามารถตามวัย โดยระดับประถมจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ
1.1 เตรียมประถม (Pre –Preparatory School) รับนักเรียนตั้งแต่อายุ 5 – 7 ปี
1.2 ประถมศึกษา ( Preparatory School) รับนักเรียนอายุตั้งแต่ 8 – 13 ปี
2. ระดับมัธยมศึกษา เริ่มตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 18 – 19 ปี รวมระยะเวลาศึกษา 5 ปี เรียกว่า Year 9 –Year 13 หรือ Form 3 – Form 6 (สำหรับโรงเรียนที่เรียกระดับชั้นเป็น Form) สำหรับนักเรียนชาวต่างชาติจะมีสิทธิ์เรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมของเอกชนเท่านั้น นักเรียนทุกคนจะต้องทำการสอบวัดผลความรู้ และ ความสามารถเพื่อนำไปใช้ในการสมัครเข้าระดับอุดมศึกษาต่อไป ทังนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ และวิทยาศาสตร์ของอังกฤษเป็นผู้กำหนด โดยการสอบจะจัดโดยคณะกรรมาธิการอิสระซึ่งมี 5 คณะ แบ่งการสอบเป็น 2 ประเภทคือ
2.1 GCSE (General Certificate of Secondary Education) การสอบระดับนี้ จะสอบเมื่อนักเรียนมีอายุประมาณ 6 ปีขึ้นไป นักเรียนเลือกสอบประมาณ 6 – 10 วิชาเช่น วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ ศิลปะ ฯลฯ และผลการสอบจะแบ่งออกเป็น 7 ระดับ คือ A, B, C, D, E, F, G ผู้ที่สอบได้ เกรด C ขึ้นไปจึงจะถือว่าสอบผ่าน นักเรียนที่สอบ GCSE ได้แล้ว (อย่างน้อย 5 วิชา) จะต้องเรียนต่ออีก 2 ปีในระดับ A Level (Advanced Level) หรือ The International Baccalaureate (IB) Diploma จึงจะศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาได้
2.2 GCE A Level (GCE Advanced) หรือที่รู้จักในนาม Sixth Form Colleges โดยการสอบระดับนี้จะต้องเรียนก่อนประมาณ 2 ปีและมีการสอบปลายปีในแต่ละปีการศึกษา A Level เป็นการสอบเพื่อวัดความสามารถทางวิชาการของเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป มีวิชาให้เลือก 50 กว่าวิชา ส่วนใหญ่นักเรียนจะเลือกเพียง 2 – 4 วิชา ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร หรือ สาขาที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี โดยผลสอบ A Level จะมีด้วยกัน 5 ระดับ คือ A, B, C, D, E เกรดที่ได้ทั้ง 5 ระดับ ถือว่าผ่านหมด แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่พิจารณารับผู้ที่มีผลการสอบในระดับ C ขึ้นไป บางแห่งอาจรับเฉพาะผู้ที่ได้เกรด A และ B
2.3 IB (The International of Baccalaureate (IB) Diploma) เป็นประกาศนียบัตรทางด้านวิชาการระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอายุระหว่าง 16 – 19 ปี ให้มีความพร้อมในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในทุกประเทศ หลักสูตรดังกล่าวเป็นหลักสูตรเข้มข้นใช้ระยะเวลาเรียน 2 ปี จะประกอบไปด้วย 6 วิชาหลัก ๆ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาที่สอง(อาจเลือกเรียนภาษาตนเองก็ได้) วิทยาศาสตร์เชิงทดลอง ศิลปะ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้นักเรียนจะต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมอาสาพัฒนาชุมชน กิจกรรมกีฬา และงานสร้างสรรค์ทางศิลปะอีกด้วย แก่นของหลักสูตรนี้สามารถแบ่งออกได้ 3 องค์ประกอบใหญ่ ๆ ได้แก่
2.3.1 การเขียนเรียงความอย่างมีประสิทธิภาพ – จะมีการสอยเขียนเรียงความมากถึง 4,000 คำต่อ หนึ่งเรื่อง ในหัวข้อที่นักเรียนสนใจ
2.3.2 ทฤษฎีการเรียนรู้ –ประยุกต์ใช้ปรัชญาความเข้าใจ และธรรมชาติการเรียนรู้ของนักเรียนเข้าไปในหลักสูตรและบทเรียน
2.3.3 ความคิดสร้างสรรค์ การลงมือทำ และการให้บริการ – ได้ถูกบรรจุอยู่ในชั้นเรียนต่าง ๆ ในหลักสูตร อาทิเช่น ศิลปะ กีฬา และอาสาพัฒนาชุมชน
นักเรียนจะเลือกเรียนหนึ่งวิชาจากแต่ละกลุ่มวิชา รวมเป็น 6 วิชา โดยปกติ 3 วิชาจะอยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่าอีก 3 วิชา ซึ่งจะเรียนในระดับมาตรฐาน หลักการเรียนรู้ทั้ง 3 ส่วน เป็นภาคบังคับของหลักสูตร และเป็นหลักปรัชญาของหลักสูตรนี้
3. ระดับอาชีวศึกษา(Further Education)
เป็นการศึกษาที่จัดขึ้นเพื่อให้นักเรียนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งไม่ประสงค์จะศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา หรือผู้ที่ไม่มีคุณวุฒิ GCSE แต่ประสงค์จะมีคุณวุฒิทางวิชาชีพต่าง ๆ เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ สถาบันการศึกษาด้านอาชีวศึกษานี้มีทั้งของรัฐบาลและของเอกชน
3.1 สถาบันอาชีวศึกษาของรัฐบาล
มีประมาณ 500 แห่ง เปิดสอนหลักสูตรต่าง ๆ ได้แก่ บริหารธุรกิจ การโรงแรม การเกษตร วิศวกรรม ช่างเทคนิค ฯลฯ
3.1.1 Higher National Certificate / Diploma (HNC/HND) เป็นการศึกษาในระดับสูงสุดของอาชีวศึกษา หลักสูตร 2 ปี ซึ่งถือว่าระดับนี้เป็นการศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยเช่นกัน ผู้ที่จบหลักสูตรนี้ถือว่าได้มีคุณวุฒิสูงกว่าอนุปริญญาของไทย แต่ต่ำกว่าปริญญาตรี 1 ชั้น นอกจากนี้หากประสงค์จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีก็สามารถทำได้โดยใช้เวลาศึกษาต่ออีก 2 ปี แต่ทังนี้ผลการเรียนต้องอยู่ในระดับดี
3.1.2 National Vocational Qualification (NVQ) หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรสายอาชีพ เป็นการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติร่วมกัน แต่เน้นภาคปฏิบัติเพื่อให้นักเรียนได้รับการฝึกฝนและมีความพร้อมก่อนที่จะออกไปประกอบอาชีพจริง
3.2 สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน
ควรเลือกสถานศึกษาเอกชนที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก The British Accredition council for Further and Higher Education (BAC) ซึ่งเป็นหลักประกันว่าเป็นสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่เชื่อถือได้ สำหรับวุฒิการศึกษาที่ได้รับ จะได้เพียงประกาศนียบัตรเท่านั้นและยังมีหลักสูตร Foundation degree เป็นหลักสูตรการศึกษาที่จัดขึ้นเพื่อเตรียมความรู้ในการเรียนต่อระดับอุดมศึกษา หลักสูตรนี้ใช้เวลาเรียน 1 ปี
4.ระดับอุดมศึกษา (Higher Education)
การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรมีประมาณ 96 แห่ง เป็นของรัฐเกือบทั้งหมด ยกเว้น University of Buckingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียว แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
Undergraduate
-
BTEC HNC/HND หรือ Diploma of Higher Education (Dip. HE)
เป็นหลักสูตร 2 ปี ส่วนใหญ่จะเปิดสอนอยู่ใน College of Higher Education โดยมหาวิทยาลัยบางแห่ง รับเปิดรับผู้สอบ “A” Level อย่างน้อย 1 วิชา หรือสำเร็จการศึกษาระดับ National Diploma การสมัครเข้าศึกษาต่อนั้นต้องสมัครผ่าน UCAS เช่นเดียวกับในระดับปริญญาตรี -
First Degree (Bachelor Degree)
เป็นหลักสูตรการศึกษา 3 ปี ยกเว้นบางสาขาวิชา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ (4 ปี) สถาปัตยกรรมศาสตร์ (5 ปี) ทันตแพทย์ (5 ปี) สัตวแพทย์ (5 ปี) แพทย์ (6 ปี)
Post – Graduate
-
Post – Graduate Certificate Diploma
หลักสูตรการศึกษา 9 เดือนถึง 1 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเข้าศึกษาต่อ -
Master Degree
หลักสูตรการศึกษา 1-2 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีผลการเรียนดี -
Doctoral Degree
หลักสูตรการทำวิจัย ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร M. Phil
การศึกษาระดับปริญญาโท
การศึกษาระดับปริญญาโทในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) มุ่งให้ความสำคัญกับการทำวิจัยเป็นหลัก และเตรียมความพร้อมของนักศึกษาให้พร้อมสำหรับการทำงาน หรือศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก โดยมีสาขาวิชาต่างๆ ให้เลือกหลากหลาย
-
นักศึกษาจะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
-
ใช้ระยะเวลาศึกษา 1 ปี
-
หลักสูตรระดับปริญญาโทที่เปิดสอนได้แก่ ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (Master’s of Arts), วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (Master’s of Science) และบริหารธุรกิจ (Master of Business Administration)
-
หลักสูตรระดับปริญญาโทที่เน้นการวิจัย ได้แก่ การวิจัย (Master of Research), ปรัชญา (Master of Philosophy)
กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการศึกษาในระดับนี้คือการเตรียมพร้อมที่ดีก่อนเข้าศึกษา ด้วยหลักสูตรเตรียมความพร้อม MBA และปริญญาโท
การศึกษาระดับปริญญาเอก
การศึกษาระดับปริญญาเอกให้ความสำคัญกับการทำวิจัยเป็นหลัก
-
จบการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท
-
ใช้ระยะเวลาศึกษาอย่างน้อย 3 ปี
-
นักศึกษาจะต้องทำโครงการวิจัย 1 โครงการ หรือปริญญานิพนธ์
-
คุณวุฒิที่ได้คือ ดุษฎีบัณฑิต (Phd, Dphil)
ระบบการศึกษาในสหราชอาณาจักรแบ่งได้เป็น 2 ระบบ คือ
ระบบที่ใช้ในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาในประเทศอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ การศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสหราชอาณาจักร เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ มุ่งเน้นเนื้อหาที่เจาะลึกในวิชาที่นักเรียนเลือกเพียงแค่ไม่กี่วิชา
-
ปีที่ 7- 11 (ปีที่ 8 – 12 ในไอร์แลนด์) สำหรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 12 – 16 ปี
-
สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษาบางแห่ง นักเรียนสามารถเลือกที่จะไม่ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คือปีที่ 12 และ 13 โดยเฉพาะเมื่อจบการศึกษาในปีที่ 10 และ ปีที่ 11 นักเรียนจะได้รับประกาศนียบัตร General Certificate of Secondary Education (GCSE) ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นการทดสอบระหว่าง 5 – 10 วิชา จากนั้นก็เรียนต่อ A-Levels
A-Levels (อังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ)
เป็นการศึกษาหลังอายุ 16 ปี เรียกกันโดยทั่วไปว่า A-Levels (General Certificate of Education in Advanced Level certificates) ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยทั่วไป นักเรียนจะเลือกเรียนเพียง 3 หรือ 4 วิชา ซึ่งสอดคล้องกับสาขาวิชาที่จะเลือกเรียนในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
นักเรียนสามารถที่จะศึกษา A-Levels ได้ในโรงเรียนมัธยมศึกษา, วิทยาลัยที่ให้การศึกษาในชั้นปีที่ 12-13 โดยเฉพาะ (Sixth Form College) หรือ วิทยาลัยที่ให้การศึกษาขั้นสูงอื่นๆ
ระดับปริญญาตรี (อังกฤษ เวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ)
นักเรียนที่สมัครเรียนมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร จะต้องสมัครผ่าน University and College Admissions Service (UCAS) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางของรัฐบาลที่มีหน้าที่ประสานความร่วมมือกับทุกมหาวิทยาลัย นักเรียนสามารถเลือกได้ 5 สาขาวิชาจากแบบฟอร์มของ UCAS โดยมีหลักสูตรให้เลือกมากมาย ซึ่งช่วยสร้างทักษะสำหรับการทำงานที่หลากหลายหรือเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อได้เป็นอย่างดี โดยการศึกษาระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 3 ปีในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย ในขั้นตอนการรับเข้าศึกษา มหาวิทยาลัยจะใช้คะแนนสอบ A-Level (หรือเทียบเท่า) ของนักศึกษา เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณารับนักศึกษาเข้าศึกษา นักศึกษาจะต้องเลือกหลักสูตรที่ต้องการจะเรียนในขั้นตอนการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
คุณวุฒิแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ศิลปศาสตร์บัณฑิต Bachelor of Arts (BA) และวิทยาศาสตร์บัณฑิต Bachelor of Science (BSc) บางหลักสูตรจะใช้เวลาศึกษาถึง 4 ปี ซึ่งจะรวม 1 ปีที่นักศึกษาจะต้องสลับไปทำงานที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เลือกเรียน ก่อนที่จะกลับมาศึกษาต่อ ในประเทศที่การศึกษาภาคบังคับต่ำกว่า 13 ปี มีแนวโน้มว่านักเรียนจะต้องศึกษาหลักสูตรวิชาพื้นฐาน (Foundation Certificate) อีก 1 ปี ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมความพร้อมการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่สหราชอาณาจักร
ระบบที่ใช้ในสก๊อตแลนด์
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสก๊อตแลนด์
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสก๊อตแลนด์มุ่งเน้นเนื้อหาวิชาที่ครอบคลุมกว่าในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ โดยการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาของสก๊อตแลนด์จะคล้ายกับประเทศไทยคือเรียนจนถึง Secondary 6 หรือมัธยมศึกษาที่ 6 โดยในระบบการศึกษาระดับมัธยมปลายในสก๊อตเมื่อเรียนถึง Secondary 4 นักเรียนจะเรียนต่อมัธยมศึกษาขั้นสูงคือ Secondary 5 หรือ 6 ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นนักเรียนอายุตั้งแต่ 16-17 ปี ถึง 17-18 ปี จะไม่ได้ต่อ A Level เหมือนนักเรียนในอังกฤษ
ส่วนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือ ปีที่ 1 –4 สำหรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 12-13 ปี ถึง 15-16 ปี จะได้รับประกาศนียบัตร Scottish Qualification Certificate เมื่อผ่านการสอบ Standard – Grade courses ในช่วงSecondary 3 หรือ 4 ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นการทดสอบระหว่าง 7 – 9 วิชา
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Higher) (สก๊อตแลนด์)
โดยทั่วไปในสก๊อตแลนด์ นักเรียนจะศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Higher) ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรคุณวุฒิการศึกษาของสก๊อตแลนด์ ที่มอบโดย Scottish Qualifications Authority ภายหลังจากที่จบการศึกษาระดับ Secondary 4 การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Higher) ถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย โดยมีวิชาให้เลือกเรียนหลากหลายวิชา แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วนักเรียนจะสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยภายหลังจากที่จบการศึกษาระดับ Secondary 5 ได้ทันที แต่นักเรียนส่วนใหญ่เลือกที่จะเรียนต่อจนถึง Secondary 6 เพื่อที่จะศึกษาวิชาต่างๆ ในระดับ Higher ได้มากขึ้น หรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น (Advanced Higher Level) โดย Secondary 5 และ 6 จะเป็นสำหรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 16/17 ปี ถึง 17/18 ปี นักเรียนสามารถที่จะศึกษา Higher ได้ในโรงเรียนมัธยมและจะต้องผ่านการทดสอบ Standard Grade ก่อนที่จะเข้าเรียน Secondary 5 และ 6
การศึกษาระดับปริญญาตรี (สก๊อตแลนด์)
นักศึกษาสามารถเลือกศึกษาสาขาวิชาที่หลากหลายในมหาวิทยาลัยที่สก๊อตแลนด์ ซึ่งจะเน้นสหวิชา นักศึกษาจะยังไม่ศึกษาวิชาเอกจนกระทั่งปีที่ 3
-
การศึกษาระดับปริญญาตรีจะใช้ระยะเวลา 4 ปี
-
ในขั้นตอนการรับเข้าศึกษา มหาวิทยาลัยจะใช้คะแนนสอบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Higher) ของนักศึกษาเป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณารับนักศึกษาเข้าศึกษา
-
นักศึกษาอาจเลือกหลักสูตรที่คั่นด้วยการไปเรียนที่ต่างประเทศ หรือทำงานเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะกลับมาศึกษาต่อ
-
โดยปกติ มหาวิทยาลัยในสก๊อตแลนด์จะถือว่าคุณวุฒิศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (Master of Arts) จะเทียบเท่าระดับปริญญาตรี
-
นักศึกษาจะได้รับ Honours Degree เมื่อศึกษาต่อเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการทำวิจัยอีก 1 ปี
นักศึกษาต่างชาติ
สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่สนใจศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักร แต่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก จำเป็นต้องยื่นหลักฐานการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่จะกำหนดว่าผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจะต้องมีคะแนน IELTS (International Language Testing System) อย่างต่ำในระดับ 6.0 + และระดับ 6.5+ สำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท
นอกจากความสามารถในการใช้ภาษา นักศึกษาจะต้องตรวจสอบว่าคุณสมบัติของตนสอดคล้องกับข้อกำหนดการรับเข้าศึกษาของมหาวิทยาลัยหรือไม่ ซึ่ง UK NARIC จะให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ โดยทั่วไป นักศึกษาต่างชาติที่ยังขาดคุณสมบัติในการเข้าศึกษาต่อจะต้องศึกษาวิชาพื้นฐาน ก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
นักศึกษาต่างชาติที่ความสามารถและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ รวมทั้งคุณสมบัติอื่นๆ ไม่เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดอาจจะต้องศึกษาหลักสูตรเตรียมความพร้อม Pre-Master’s ก่อนที่จะเริ่มศึกษาระดับปริญญาโท
แผนผังแสดงระดับการศึกษาของประเทศอังกฤษ