เรียนภาษาอังกฤษ มาตรฐาน หลักสูตร ออสเตรเลีย ห้องเรียนกัวลาลัมเปอร์มาเลเซีย ประหยัด สะดวก ปลอดภัย
ออสเตรเลียเป็นประเทศยอดนิยม ที่นักเรียน ผู้ปกครอง ถามถึงกันมาก เพื่อนักเรียนหรือบุตรหลานได้มีโอกาสไปศึกษาต่อเพราะการสำเร็จการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียนับเป็นคุณสมบัติที่เป็นที่ต้องการทั่วโลก การเรียนการสอนที่มีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานในระดับนานาชาติ มีระบบการช่วยเหลือนักเรียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้นักเรียนต่างชาติกว่า 600,000 คน จาก 200 ประเทศทั่วโลกเดินทางมาเรียนที่ ออสเตรเลียในแต่ละปี และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วพวกเขาต่างก็มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ระบบการศึกษาของประเทศออสเตรเลียมีระดับการศึกษาตั้งแต่ อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ระดับการเรียนปรับพื้นเพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย (Foundation) ระดับวิชาชีพ (Vocational Education and Training : VET or Technical And Further Education : TAFE ) รวมถึงระดับอุดมศึกษา ได้แก่ ระดับปริญญาตรี โท และ เอก นอกจากนั้นประเทศออสเตรเลียได้ให้ความสำคัญกับนักเรียนต่างชาติ โดยการจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ (English Language Intensive Course for Overseas Students : ELICOS ) หลักสูตรภาษาอังกฤษจะประกอบไปด้วย General English , IELTS Preparation ,Business English และ English for Academic : EAP เป็นต้น
สถิติจำนวนนักเรียนไทย ปี 2014 ที่ลงทะเบียนศึกษาต่อในประเทศออสเตรเลียพบว่า อยู่ในอันดับ 5 รองจาก จีน บราซิล เกาหลี และ กัมพูชา ตามลำดับ โดยนักเรียนไทยลงทะเบียนเรียนหลักสูตร ELICOS อย่างเดียว 40.4 % เรียน ELICOS ควบคู่กับการเรียนในระดับการศึกษาขั้นอุดมศึกษา (Higher Education ) 19.5 % เรียน ELICOS ควบคู่กับ VET 41.8 % เรียน ELICOS ควบคู่กับระดับโรงเรียน 1.7 % และเรียน ELICOS ควบคู่กับ Non-Award 0.3 %
สถิติจำนวนนักเรียนไทย ปี 2015-2016 ที่ลงทะเบียนศึกษาต่อในประเทศออสเตรเลียพบว่าภาพรวมทุกระดับชั้น ปี 2015 จำนวน 27,765 คน ปี 2016 จำนวน 30,451 คน อัตราเติมโต 9.7 % จำนวนนักเรียนไทยที่ลงทะเบียนเรียนในออสเตรเลียปี 2015-2016 อยู่ในอันดับ 4 รองจาก จีน อินเดีย เกาหลี ตามลำดับ นอกจากนั้นยังพบว่า ปี 2017 ช่วง เดือน มกราคม–มีนาคม สถิติจำนวนนักเรียนไทยที่ลงทะเบียนเรียนในออสเตรเลียทุกระดับชั้น จำนวน 17,903 คน อยู่ในอันดับ 7 รองจาก จีน อินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม เนปาล และเกาหลีใต้ ตามลำดับ
ด้วยภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาการขอวีซ่านักเรียนเข้าประเทศออสเตรเลียที่เข้มงวดยิ่งขึ้นทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป สถานฑูตออสเตรเลียกำหนดให้ใช้การประเมินผลนักเรียนจากความเสี่ยงโดยใช้สัญชาติของผู้สมัครเรียน (Country Immigration Risk) และ ความเสี่ยงของสถาบันการศึกษา(Education Provider Immigration Risk) ที่ผู้เรียนสมัครเรียน เป็นเกณฑ์ โดยจะแบ่งมาตรฐานการพิจารณาออกเป็น 2 ประเภท ตามความเสี่ยงทั้ง 2 ความเสี่ยงที่กล่าวข้างต้น ซึ่งทางสถานทูตได้เก็บสถิติและประเมินความเสี่ยงของแต่ละสัญชาติ และแต่ละสถาบันการศึกษาไว้แล้ว (เช่นความเสี่ยง ระดับ 1,2 หรือ 3 ตัวเลขมากความเสี่ยงมาก ครับ) นั่นคือจะแบ่งมาตรฐานการพิจารณาออกเป็น 2 แบบ คือ แบบ Streamlined (S) และ แบบ Regular (R) รายละเอียดตามรูปที่ 1
รูปที่ 1 เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงในการพิจาณาวีซ่านักเรียนเข้าศึกษาประเทศออสเตรเลีย
โดยทั่วไปแล้วนักเรียนที่ได้รับพิจารณาแบบ Streamlined (S) ไม่จำเป็นต้องยื่นหลักฐานทางการเงินและผลคะแนนระดับภาษาอังกฤษ โดยสถานทูตจะปล่อยให้เป็นวิจารณญาณของสถาบันการศึกษา (อย่างไรก็ตามทางสถานฑูตก็สงวนสิทธิ์ ในการขอเอกสารเพิ่มเติมได้หากพิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยง) ส่วนนักเรียนที่ได้รับการพิจารณาแบบ Regular ( R ) จำเป็นต้องยื่นเอกสารทางการเงิน ทุกกรณี และยื่นผลคะแนนระดับภาษาอังกฤษ หากผู้เรียนสมัครเรียนในหลักสูตรที่ระบุต้องการผลการสอบภาษาอังกฤษ
การยื่นขอวีซ่านักเรียนกำหนดให้ยื่นทาง Online เท่านั้น และจะต้องมีการเก็บข้อมูล อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) ทุกคน รวมทั้งนักเรียนจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าตัวเองเป็น “Genuine Temporary Entrant”หรือ GTE.หมายถึงเป็นบุคคลที่มีความประสงค์ ต้องการเข้ามาเรียนที่ออสเตรเลียอย่างแท้จริง ซึ่งเกณฑ์นี้จะเป็นวัตถุประสงค์หลักที่ทาง Immigration จะใช้ในการพิจารณาอนุมัติวีซ่าแก่นักเรียนแต่ละรายหรือไม่นั่นเอง กล่าวคือ ในเรื่องเกี่ยวกับ GTE นักเรียนจะต้องให้เหตุผลชัดเจน ในประเด็นต่างๆเช่น ทำไมต้องมาเรียนที่ออสเตรเลีย จะเรียนสาขาอะไร ระดับไหน เกี่ยวข้องอะไรกับความรู้หรือคุณวุฒิการศึกษาเดิมของนักเรียน กลับมาประเทศของตนเองแล้วจะทำอะไร สอดคล้องกับทีเรียนมาหรือไม่ เหตุผลในประเด็นเหล่านี้ต้องมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ผู้พิจารณาอนุมัติวีซ่าแก่นักเรียน
หลักเกณฑ์เอกสารทางการเงิน เป็นอีกหลักเกณฑ์หนึ่งที่เป็นนัยสำคัญ กล่าวคือ ความเคลื่อนไหวทางการเงินย้อนหลัง 6 เดือน ดูจาก Bank Statement โดยมียอดเงินที่สามารถถอนได้ดังนี้
Student /Guardian = 19,830 AUD , Partner / Spouse = 6,940 AUD , Child = 2,970 AUD ตามที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าการยื่นขอวีซ่านักเรียนเพื่อเข้าศึกษายังประเทศออสเตรเลียมีความเข้มงวดรัดกุมทุกขั้นตอน หากขาดการวางแผนที่ดีไว้เป็นการล่วงหน้าระยะยาว ย่อมมีความเสี่ยงมากที่นักเรียนจะถูกปฏิเสธการอนุมัติวีซ่า และเป็นที่น่าเสียดายที่ทราบว่าขณะนี้นักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ถูกปฎิเสธการอนุมัติวีซ่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามเพื่อเปิดโอกาสนักเรียนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษ ตามมาตรฐานและหลักสูตรของออสเตรเลียโดยไม่ต้องเดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย สามารถเรียนกับสถาบันสอนภาษาจากออสเตรเลียที่มาเปิดสาขาที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีมาตรฐาน และ หลักสูตร เช่นเดียวกับที่ออสเตรเลียสอนโดยเจ้าของภาษา (Native English) เริ่มเรียนได้ทุกวันจันทร์ ประหยัด สะดวก และปลอดภัยด้วยครับ
โอกาสนี้ผมจึงขอแนะนำสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ คือสถาบันสอนภาษา English Language Company (ELC) ตั้งอยู่ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นสถาบันที่ได้รับรางวัลโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษยอดเยี่ยม ได้รับเลือกให้เป็นโรงเรียนสอนภาษาดีเด่นของซีกโลกใต้ ในปี 2009,2011,และ 2013 และได้รับเสนอชื่อในรางวัลเดียวกันในปี 2008 และ 2010 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของสถาบัน ELC เป็นหนึ่งในโรงเรียนสอนภาษาที่มีชื่อเสียงและดีที่สุดในออสเตรเลีย
ผมมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชม เข้าพบพูดคุยกับผู้บริหารของ ELC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผมคิดว่าโอกาสดีสำหรับนักเรียนไทย เพราะปัจจุบัน ELC ได้มาเปิดสาขาที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของไทย และเป็นประเทศสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่นเดียวกับประเทศไทย ผู้สนใจเรียนภาษาอังกฤษตามมาตรฐานและหลักสูตร ที่ตรงตามออสเตรเลียทุกอย่างก็สามารถสมัครเรียนได้ ไม่ยาก ระยะทางไม่ไกลจากประเทศไทย ผู้เรียนหลากหลายเชื้อชาติ มีโอกาสได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนักเรียนต่างชาติได้ช่วยเสริมสร้างทักษะด้านภาษาอังกฤษได้อีกทางหนึ่งด้วย สถานที่ตั้งและสิ่งอำนวยความสะดวกของสถาบัน ELC ที่มาเลเซีย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้ศูนย์กลางการขนส่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และ ย่านบันเทิง ข้อดีของการเรียนที่ ELC มาเลเซีย คือ ไม่ไกลจากประเทศไทย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าครองชีพ ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงเกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่า ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีที่พักสำหรับนักเรียนสะดวก ปลอดภัย ใกล้กับที่เรียน ใกล้กับศูนย์กลางการขนส่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าและย่านบันเทิง และมีมาตรฐานและหลักสูตรเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลียทุกอย่าง
รูปที่ 2 การเยี่ยมชม English Language Company( ELC ) of Malaysia
สถาบันสอนภาษา English Language Company (ELC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้รับรางวัลโรงเรียนสอนภาษาดีที่สุดในประเทศมาเลเซีย ปี 2016 ( ELC Kuala Lumpur Awarded Best Language School in Malaysia 2016 ) ซึ่งได้รับมอบรางวัลจากอธิบดีกระทรวงศึกษาธิการของมาเลเซีย ELC กัวลาลัมเปอร์ มีการจัดการเรียนการสอนและนำเสนอ คอร์สโปรแกรมเดียวกับที่ ELC ซิดนีย์ ซึ่งนักเรียนสามารถเตรียมตัวเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่มาเลเซียหรือทำงานที่บริษัทนานาชาติ ในภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน
รูปที่ 3 สถาบัน ELC มาเลเซีย ได้รับรางวัลโรงเรียนสอนภาษาดีที่สุดในประเทศมาเลเซีย ปี 2016
สนใจ สมัครเรียนต่างประเทศ
โทร 0 7728 7111 , 08 5 791 9111 (อ.สมนึก) Line ID : somnoek
ผู้เขียน
สมนึก ชูสุวรรณ
ค.อ.บ. พระจอมเกล้าลาดกระบัง
น.บ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง
วท.ม. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ขอขอบพระคุณ แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
1. Austrad Briefing Agent Training 4 June 2015
2.Austrade Briefing Agent Training Workshop 22 May 2017
3. E-News Letter English Language Company
4.www.elcmy.edu.my
5.www.studyinaustralia.gov.au
(คู่มือการเรียนต่อและใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลีย)